ขอนแก่น – ประชุมโครงการพัฒนาศักยภาพพระนักเผยแผ่เขตลุ่มแม่น้ำโขง ออกธุดงที่ภูเวียง

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตภาคอีสาน จังหวัดขอนแก่น จัดโครงการพัฒนาศักยภาพพระนักเผยแผ่เขตลุ่มแม่น้ำโขงและภูมิภาคเอเชีย ประจำปี 2566 ครั้งที่ 9 ซึ่งมีพระนักเผยแผ่ทั้งหมด 11 ประเทศเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้

ที่ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตภาคอีสาน จังหวัดขอนแก่น มีพระเทพวัชรเมธี, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. อธิการบดี มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เป็นประธานในการเปิดงานประชุมโครงการพัฒนาศักยภาพพระนักเผยแผ่เขตลุ่มแม่น้ำโขงและภูมิภาคเอเชีย ประจำปี 2566 ครั้งที่ 9 ซึ่งมีพระนักเผยแผ่ทั้งหมด 11 ประเทศ ได้แก่ ลาว กัมพูชา เมียนมาร์ เวียดนาม จีน อินโดนีเชีย ศรีลังกา มาเลเซีย ภูฏาน ทิเบต และประเทศไทย รวมถึงประเทศอังกฤษ สกอตแลนด์ และเยอรมัน เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้

เนื่องจากว่าทางมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เป็นสถานบันการศึกษาทางพระพุทธศาสนา ซึ่งมีพันธกิจหลักคือการผลิตบัณฑิต การวิจัย การให้บริการด้านวิชาการแก่สังคม และการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม จึงได้เล็งเห็นและจัดโครงการนี้ขึ้นมา เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านวิชาการและงานวิจัยของพระนักเผยแผ่ในเขตประเทศลุ่มแม่น้ำโขงและภูมิภาคเอเชีย และเพื่อเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือและแลกเปลี่ยนองค์กรความรู้ระหว่างพระสงฆ์ในเขตประเทศลุ่มแม่น้ำโขงและภูมิภาคเอเชีย ตลอดจนประเทศในเขตยุโรป และการจัดโครงการในครั้งนี้เป็นการพัฒนา พระนักเผยแผ่ผ่านกระบวนการตามหลักสูตรวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถนำหลักสูตรการอบรมไปเผยแพร่สู่สังคมโลกต่อไป

พระครูธรรมาพิสมัย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการมหามกุฏราชวิทยาลัย กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากท่านอธิการบดี และรองอธิการบดี ให้จัดโครงการพระนักเผยแผ่เขตลุ่มแม่น้ำโขงขึ้น เป็นครั้งที่ 9 ซึ่งการพัฒนานี้จัดขึ้นเพื่อที่จะให้พระคุณเจ้าจากทั้ง 11 ประเทศในปีนี้ ได้มีโอกาสเรียนรู้และได้ศึกษาธรรมะ ในรูปแบบของการธุดงค์ในป่า โดยมีการเดินทางไปที่อุทยานแห่งชาติภูเวียง ใช้เวลาอยู่ที่นั่น 7- 8 วัน เพื่อเป็นการไปสอนญาติโยม

เพราะเนื่องจากว่ามีคำถามจากญาติโยมในหลายๆ คน ที่บอกว่า ในตอนนี้โลกเจริญไปมากแล้ว แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่เรายังมองข้าม นั่นก็คือเรื่องของจิตใจ


พระครูธรรมาพิสมัย กล่าวอีกว่าซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่โลกพัฒนาไปไกลแล้ว แต่เราไม่มีการพัฒนาจิตใจ ก็จะทำให้เรามีความทุกข์อยู่ในโลกที่พัฒนาแล้ว ดังนั้นถึงแม้ว่าโลกจะไปไกลขนาดไหน ให้เราลองมองย้อนหลังไปถึงสมัยพระพุทธเจ้า ซึ่งในตอนนั้นพระพุทธเจ้าท่านใช้ธรรมะในการดำรงชีวิต ทำให้ท่านอยู่ในโลกนี้ได้อย่างมีความสุข เพราะความสุขนั้นเกิดขึ้นที่ใจ ดังนั้นการจัดโครงการในครั้งนี้ขึ้น ก็เพื่อที่จะเอาธรรมะวิธี และวิธีการที่จะใช้แก้ปัญหา หรือวิธีการที่จะทำให้เรานั้นสามารถข้ามพ้นความทุกข์ไปได้ โดยจะใช้หลักการทางพระพุทธศาสนา เพราะเป็นทางที่ดีที่สุด ที่จะทำให้เรานั้นค่อยๆ มีความสุขมากยิ่งๆ ขึ้นไป